วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2556

วิธีการทำ กาแฟคาปูชิโน่เย็น


เหมือนเดิมนะครับ ก่อนที่ผมจะสาธิตวิธีการทำกาแฟคาปูชิโน่เย็น  มาคุยกันเรื่องอะไรคือ คาปูชิโน่

คาปูชิโน่ เป็นเครื่องดื่มกาแฟของ อิตาลี ที่เตรียมพร้อมกับกาแฟ เอสเปรสโซ่, นมร้อน และโฟมนมร้อน .ในแบบดั้งเดิมและแหล่งกำเนิด ( โดยปกติจะเสริฟใน อิตาลี หรือ ยุโรป ) คาปูชิโน่ ปริมาณ 6 ออนซ์ ( กาแฟเอสเปรสโซ่ 2 ออนซ์  + นมร้อน 2 ออนซ์  โฟมนม ) แต่ส่วนใหญ่ ร้านกาแฟในอเมริกา กาแฟคาปูชิโน่ จะเสริฟประมาณ 12 ออนซ์ หรือมากกว่านั้น ถ้าคุณสังเกต คาปูชิโน่  ( ในแหล่งกำเนิด ) คือ เอสเปรสโซ่ 2ออนซ์ ตามด้วยนมร้อน 2 ออนซ์ และโฟมนมร้อนอยู่ด้านบน ความแตกต่างระหว่าง คาปูชิโน่ และ ลาเต้ คือ จำนวนนมและโฟมนม. 

ดังนั้น คาปูชิโน่  หรือ ลาเต้ หรือ เอสเปรสโซ่  ไม่ใช่ที่เมล็ดกาแฟอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจนะครับ ( โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ไม่ดื่มกาแฟหรือคนไทยบางส่วน ) คาปูชิโน่ หรือ ลาเต้ หรือ เอสเปรสโซ่  คือวิธีการที่ใช้ทำกาแฟ นะครับ

เอาล่ะ ตอนนี้มาเริ่มการทำคาปูชิโน่เย็นกันเลยนะครับ และเหมือนกับเมนูประเภทอื่น ๆ คือไม่มีเคล็ดลับ และเป็นวิธีทำที่ง่าย ๆ ครับ และวันนี้ ผมจะแสดงวิธีทำ 2 วิธีเหมือนเดิมนะครับ แบบที่  1 คือแบบ ต้นตำรับ (จาก คาปูชิโน่ร้อน ) และอีกวิธีคือแบบที่ใช้ นมข้นหวาน ครับ ( แบบไทยสไตล์ )


กาแฟ คาปูชิโน่ เย็น ( แบบ ต้นตำรับ )

- กาแฟเอสเปรสโซ่ 2 ช๊อต ( 2 ออนซ์ )
- เทนมสดเย็น 2 – 2.5ออนซ์ ลงในมิกซ์เซอร์ ( แก้วผสม )
ทำโฟมนมเย็น ด้วยการปั๊มในเหยือกทำโฟมเย็น ( ฟิชเชอร์ ) หรือใช้แบบมอเตอร์ทำโฟมนมก็ได้ครับแต่ผมขอ แนะนำให้ใช้เหยือกนะครับสะดวก รวดเร็ว และโฟมนมสวยด้วยครับ )
- เติมน้ำแข็งใส่แก้ว 16-22 ออนซ์ ให้เต็มแก้ว
- เท กาแฟเอสเปรสโซ่ ลงในแก้ว
- เติมด้วยนมสดเย็น
ตามด้วยโฟมนมเย็น
โรยผงชินนามอน บนโฟมนม ( ถ้าคุณชอบนะครับ )
( ถ้าชอบหวานสามารถเติมน้ำตาลหรือน้ำเชื่อมได้ครับ ตามความชอบเลยครับ )
เสร็จเรียบร้อยครับ  


กาแฟ คาปูชิโน่เย็น ( แบบ ไทยสไตล์ )

- กาแฟเอสเปรสโซ่ 2 ช๊อต ( 2 ออนซ์ )
- เทนมข้นหวาน ประมาณ 0.25- 0.5 ออนซ์ ลงในแก้วตวง
- เทนมสดเย็น ประมาณ 1.75 -2 ออนซ์ ในแก้วตวง
ทำโฟมนมเย็น ด้วยการปั๊มในเหยือกทำโฟมเย็น ( ฟิชเชอร์ ) หรือใช้แบบมอเตอร์ทำโฟมนมก็ได้ครับแต่ผมขอ แนะนำให้ใช้เหยือกนะครับสะดวก รวดเร็ว และโฟมนมสวยด้วยครับ )
เติม เอสเปรสโซ่ ลงไปในแก้วผสม
- ผสมนมข้นหวานกับเอสเปรสโซ่ ให้เข้ากัน
- เติมน้ำแข็งใส่แก้ว 16-22 ออนซ์ ให้เต็มแก้ว
เทเอสเปรสโซ่ที่ผสมกับนมข้นหวาน ลงไปในแก้ว
- เติมด้วยนมสดเย็น
 - ตามด้วยโฟมนมเย็น
โรยผงชินนามอนบนโฟมนม ( ถ้าคุณชอบนะครับ )
เรียบร้อยครับ ... มีความสุขกับกาแฟคาปูชิโน่เย็น ของคุณกันได้นะครับ
( ถ้าชอบหวานสามารถเติมน้ำตาลหรือน้ำเชื่อมได้ครับ ตามความชอบเลยครับ )


วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2556


ประวัติกาแฟและแหล่งกำเนิด

 
แหล่งกำเนิดเดิมของกาแฟมาจากประเทศอาบีซีเนีย หรือแถบประเทศอาราเบียน หรือประเทศอาหรับ ตะวันออกกลาง สมัยนั้นไม่มีผู้ใดให้ความสนใจเท่าใดนักจนกระทั่งล่วงเลยมาถึงศตวรรษที่ 9 มีการเลี้ยงแพะชาวอาราเบียคนหนึ่งชื่อ คาลดี (Kaldi) นำแพะออกไปเลี้ยงตามปกติ แพะได้กินผลไม้สีแดงชนิดหนึ่งเข้าไปแล้วเกิดความคึกคะนองผิดปกติ จึงได้นำเรื่องไปเล่าให้พระมุสลิมองค์หนึ่งฟัง พระองค์นั้นจึงได้นำผลของต้นไม้นั้นมากะเทาะเปลือกเอาเมล็ดไปคั่วแล้วต้มในน้ำร้อนดื่มเห็นว่ามีความกระปรี้กระเปร่า จึงนำไปเล่าให้คนอื่นฟังต่อไป
 
ชาวอาราเบียจึงได้เริ่มรู้จักต้นกาแฟมากขึ้น จึงทำให้กาแฟแพร่หลายเพิ่มขึ้นจากประเทศอาราเบีย เข้าสู่ประเทศอิตาลี เนเธอร์แลนด์ เยอรมัน ฝรั่งเศส
 
ชาวอาระเบียเรียกพืชนี้ว่า “คะวาฮ์” (Kawah) หรือ “คะเวฮ์” (Kaweh) ซึ่งแปลว่าพลัง (strength) หรือความกระปรี้กระเปร่า (vigor) ชาวตุรกีเรียกว่า “คะเวฮ์” (Kaveh) ต่อมาการเรียกชื่อกาแฟจึงเปลี่ยนแปลงไปตามแหล่งต่างๆของโลก เช่น คัฟฟี (Koffee) ในอังกฤษเรียกว่า “คอฟฟี” (coffee) อันเป็นชื่อที่รู้จักและใช้ในปัจจุบันนี้ เมื่อมาถึงประเทศไทยคนไทยเรียกว่า โกปี๊ ข้าวแฝ่ และกาแฟในที่สุด...
 

กาแฟเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของโลก กาแฟเกือบทุกพันธุ์มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในทวีปแอฟริกา แต่ที่ปลูกกันแพร่หลายในเชิงธุรกิจมีเพียง 2 พันธุ์ คือ กาแฟ อาราบิก้า ซึ่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Coffea arabica L.   และ กาแฟ โรบัสต้า ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Coffea canephora Pierre    ผลผลิตของเมล็ดกาแฟในโลกมีมากว่าหกล้านตัน ในจำนวนนี้เป็นเมล็ดกาแฟ อาราบิก้ามากกว่า 70% ที่เหลือเป็นเมล็ดกาแฟ โรบัสต้าและพันธุ์อื่น ๆ
 
      กาแฟ อาราบิก้ามีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมบนพื้นที่สูงของประเทศเอธิโอเปีย (อะบิสซีเนีย เดิม) ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเส้นรุ้งที่ 6-9 องศาเหนือ แต่อาจพบต้นกาแฟอาราบิก้า ตรงช่วงรอยต่อบนภูเขาระหว่างเอธิโอเปียกับซูดาน และเอธิโอเปียกับเคนยา ในเอธิโอเปียสามารถพบต้นกาแฟอาราบิก้า เจริญงอกงามอยู่ทั่วไป ภายใต้ร่มเงาไม้ใหญ่บนพื้นที่สูง ระหว่าง 1,370 -1,830 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง สภาพอากาศในแถบนั้น ค่อนข้างหนาวเย็น อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปี อยู่ระหว่าง 15-24 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยทั้งปีประมาณ 1,900 มิลลิเมตร สภาพดินเป็นดินร่วนสีแดง มีหน้าดินลึก สภาพอากาศโดยทั่วไปในแถบนี้ มี 2 ฤดู คือ ฤดูฝนและฤดูแล้ง ซึ่งมีพร้อมๆ กับฤดูหนาว
 
      ในยุคเริ่มต้นของกาแฟอาราบิก้า ประวัติและความเป็นมาค่อนข้างสับสน เพราะมีผู้พบเห็นต้นกาแฟอาราบิก้าเจริญงอกงามอยู่ทั่วไปใต้ต้นอินทผาลัม แถบเชิงเขาประเทศเยเมน แต่จากการศึกษาและสำรวจ โดยคณะผู้เชี่ยวชาญในด้านกาแฟอาราบิก้าของประเทศต่าง ๆ ที่ร่วมมือกัน ภายใต้ความช่วยเหลือขององค์กรระหว่างประเทศ สรุปว่า ในสมัยโบราณ ชาวเขาบางเผ่า ที่อาศัยอยู่บนที่สูงของประเทศเอธิโอเปีย ได้อพยพขึ้นเหนือมายังตะวันออกกลาง ได้นำเมล็ดกาแฟติดตัวมาด้วย และได้ปลูกไว้ตามเชิงเขา ชาวเขาเหล่านี้ ใช้เมล็ดกาแฟอาราบิก้าผสมกับไขสัตว์ ปั้นเป็นก้อนกลมๆ ใช้เป็นอาหารเวลาเดินทางไกล
 
ต่อมาเมื่อชาวเปอร์เซียเรืองอำนาจ ได้ขยายอาณาจักรมาสู่ตะวันออกกลาง ได้ขับไล่ชาวเขาเหล่านี้กลับสู่ป่าเอธิโอเปียดังเดิม ส่วนต้นกาแฟอาราบิก้ายังคงเจริญงอกงาม และขยายพันธุ์ตามธรรมชาติต่อๆกันมาแถบเชิงเขาประเทศเยเมน แต่มีบางกระแสเชื่อว่า ในศตวรรษที่ 15 นักเดินทางชาวอิสลามได้นำต้นกาแฟอาราบิก้าจากเอธิโอเปียมาปลูกไว้ ที่อาราเบีย ชาวดัชท์ได้เดินทางมายังอาราเบียในศตวรรษที่ 16 ได้พบต้นกาแฟอาราบิก้า เจริญอยู่ทั่วไป จึงนำเมล็ดกาแฟไปเพาะและปลูกไว้ ตามแหล่งอื่นๆของโลก
 
 ในศตวรรษที่ 17 นักแสวงบุญอิสลาม ชาวอินเดีย ได้นำเมล็ดกาแฟอาราบิก้าจากประเทศเยเมน มาปลูกไว้ตามเชิงเขาของรัฐคาร์นาตากา ในประเทศอินเดีย และชาวฝรั่งเศสได้นำเมล็ดกาแฟอาราบิก้า จากอาราเบียไปปลูกที่เมืองเบอร์บอง เกาะรี-ยูเนียน กาแฟอาราบิก้าจากแหล่งปลูกเหล่านี้ ได้แพร่กระจากไปทั่วโลก ซึ่งใช้เวลามากกว่า 2 ศตวรรษ

ประโยชน์ของกาแฟ

กาแฟจะกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางทำให้ไม่ง่วง สมาธิในการทำงานดีขึ้น ผู้ที่ดื่มกาแฟจะทำให้ไม่ง่วงนอน มีสมาธิในการทำงาน และยังทำให้ความสามารถในการทำงานดีขึ้น และยังลดอาการปวดเมื่อยเนื่องจากไข้หวัด

ผลต่อสมรรถภาพของร่างกายดีขึ้น เช่นการขี่จักรยาน การว่ายน้ำ เล่นกีฬาได้นานขึ้น

ผลดีของกาแฟจะทำให้ไม่ง่วงนอน โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานเป็นกะ และช่วยลดอุบัติเหตุขณะขับรถ

กระตุ้นอวัยวะของร่างกายและเพิ่มการเผาผลาญไขมันและช่วยลดน้ำหนักได้ด้วย กาแฟจะมีฤทธิ์ขับปัสสาวะอ่อนๆ ดังนั้นขณะออกกำลังกายหรือหลังออกกำลังกายไม่ควรรับเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกาแฟ เพราะจะทำให้ร่างกายขาดน้ำ


ส่วนประกอบของกาแฟ

ส่วนประกอบที่สำคัญของกาแฟคือ caffeine หรือมีชื่อทางเคมีว่า 1,3,7 trimethylxanthine ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของยาขยายหลอดลม theophylline caffeine สามารถพบได้ในหลายชนิดได้แก่ เมล็ดคา เมล็ดกาแฟ ใบชา โคลา caffeine ถูกผสมลงในน้ำอัดลม ยาแก้หวัดบางชนิด ยาแก้ปวด ยาลดน้ำหนัก

กาแฟจะถูกดูดซึมอย่างรวดเร็วหลังจากที่เราดื่มกาแฟและจะถูกขับออกไปครึ่งหนึ่งในเวลาประมาณ 4 ชั่วโมงกาแฟจะไม่สะสมในร่างกาย โดยจะถูกทำลายและขับออกหมด ผู้ที่สูบบุหรี่จะมีการขับถ่ายกาแฟมากกว่าผู้ที่ไม่สูบ ดังนั้นคนที่สูบบุหรี่หากต้องการ การกระตุ้นของกาแฟ จะต้องดื่มกาแฟบ่อยกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ คนท้องและผู้ที่กินยาคุมกำเนิดจะมีการขับกาแฟน้อยกว่าคนทั่วไป กาแฟจะออกฤทธิ์โดยการกระตุ้นสมอง ทำให้รู้สึกสดชื่นและมีสมาธิ

วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

แนะนำ Web Master



แนะนำเจ้าของบล็อค

Web Master : ชิภูภู่  เตะปาก
Profile

ชื่อนาย ภัณฑกานต์  ภู่ทวี
เกิดวันที่ 02/04/2535
ความสามารถพิเศษ : 
งานอดิเรก : ถ่ายภาพ , ฟังเพลง
ที่อยู่ติดต่อ : 735/1 ถ.อำเภอ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี 41000

https://www.facebook.com/chipoopoo